Skip to content

Archive for

Recommended Logistics and Supply Chain Textbooks


I have got a question from a new coming student in MSc Logistics & Operations Management at Cardiff Business School about the textbooks used in our school.

When I was studying this course (2007/8), these are what I have to read.

1. Operations Management

2.Logistics & Supply Chain Management

3. Lean Operations

4. Transport & Logistics Modelling

Moreover, I would like to suggest other great books on Logistics & SCM as followings.

Supply Chain Management 

A great book that offers a wide range of aspects around supply chain management, written by various well-known academics such as Martin Christopher (Cranfield),  Mo Naim, Stephen Disney and Denis Towill (Cardiff) and Paul Cousins (Manchester)

More: Book review, Oxford University Press Link, Google Book

Lean Thinking

ภาษาไทย

เทคนิคการเขียนวิทยานิพนธ์ตอนที่ 3 ผลการศึกษา: ระเบียบวิธีวิจัย Research Methodology Chapter in MSc Dissertation (UK)


บทที่ดูเหมือนว่าจะเขียนง่ายที่สุดก็คือ ผลการศึกษา ทว่าหลายๆ คนก็ประสบปัญหาว่าจะเขียนอย่างไรดี โดยเฉพาะงานที่เป็นเชิงการค้นหา (Exploratory study) หรืองานเชิงคุณภาพ (Qualitative Study) เนื่องจากสิ่งที่ค้นพบก็มีมากเหลือเกิน ไม่รู้จะเขียนเรื่องไหนและไม่ควรเขียนเรื่องไหนดี

สำหรับการเขียนผลการศึกษานั้นผมมีแนวทางดังนี้ครับ

  1. เขียนเหมือนกับว่าเป็นการตามคำถามวิจัย (Research Questions)
  2. เขียนรายงานสิ่งที่พบเป็นขั้นตอน ยึดตามแนวทางตามที่เขียนไว้ในบทระเบียบวิธีวิจัย
  3. เขียนเรียงตามเวลาที่พบก่อนหลัง เช่นรายงานผลการสัมภาษณ์ก่อน แล้วตามด้วยผลจากการสำรวจที่ทำในเวลาต่อมา
  4. เขียนรายงานเฉพาะสิ่งที่พบก่อน แล้วจึงเพิ่มเติมความเห็นส่วนตัวหนือการวิเคราะห์อภิปรายผลเพิ่มเติมต่างหากที่หลัง (อาจจะอยู่ในบทเดียวกัน หรือ แยกออกมาเป็นบทอภิปรายผล Discussion Chapter ก็ได้)
  5. ผลการศึกษาอาจแบ่งออกเป็นมากกว่าหนึ่งบทได้หากมีเนื้อหาเพียงพอ หรือ ต้องการเจาะลึกเฉพาะบางหัวข้อในแต่ละบท หรือใช้เครื่องมือที่ต่างกัน
  6. อาจมีการเขียนอธิบายระเบียบวิธีการทำวิจัยแบบละเอียดในตอนต้นก่อนได้ในกรณีที่เป็นรายละเอียดที่ไม่ได้เขียนไว้ในบทระเบียบวิธีวิจัย เช่น ขั้นตอนการสัมภาษณ์ หรือ รายชื่อคำถาม หรือ หัวข้อที่ใช้ในการสัมภาษณ์
  7. เขียนเล่าเรื่องการค้นพบโดยใช้ภาษาง่ายๆ เหมือนเล่าให้เพื่อนฟัง
  8. เขียนเชื่อมโยงบทก่อนหน้า (มักจะเป็นบทระเบียบวิธีวิจัย) และบทถัดไป ซึ่งอาจจะเป็นผลการศึกษาอีกบท หรือ บทอภิปรายและสรุป

โดยในงานวิทยานิพนธ์ MSc ของผมนั้นได้แยกบทผลการศึกษาออกเป็น 3 บทเพื่อเจาะลึกลงไปในสามประเด็นของการศึกษาคือ การพัฒนาเครื่องมือตรวจสอบสุขภาพโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสำหรับอุตาหกรรมบริการ การทดสอบเครื่องมือที่พัฒนา และการประเมินผลการทดสอบเครื่องมือดังกล่าว หากสนใจสามารถ Download ได้จาก links ด้านล่างนี้ครับ

Chapter 6 The Development of Service-QSAM

Chapter 7 Implementing the S-QSAM: A Case Study Approach

Chapter 8 Evaluating the S-QSAM

เทคนิคการเขียนวิทยานิพนธ์ตอนที่ 2: ระเบียบวิธีวิจัย Research Methodology Chapter in MSc Dissertation (UK)


บทที่ว่าด้วยระเบียบวิจัยนั้นมักจะสร้างความเบื่อหน่ายให้หลายๆ คนที่ไม่รู้ว่า

1. จะเขียนอย่างไรไม่ให้เป็นการลอกเลียนแบบหรือ Plagiarism
2. ควรจะต้องเขียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง
3. ควรจะเขียนมากน้อยขนาดไหน

จากประสบการณ์ของผมแล้วบท Methodology ควรมีลักษณะดังนี้ครับ

1. เขียนเสมือนหนึ่งว่าเรากำลังเล่าให้ผู้อ่านฟังว่าเราทำวิจัย(วิทยานิพนธ์)นี้อย่างไร
จุดประสงค์อย่างหนึ่งของบท Methodology ก็คือ ผู้อ่านสามารถทำวิจัยแบบที่เราทำซ้ำได้อีกครั้ง (Replication) ดังนั้นข้อมูลที่เราจะเขียนลงไปในบทนี้ควรจะมีรายละเอียดที่เพียงพอให้ผู้อ่านสามารถทำได้ดังกล่าว อย่างไรก็ตามเราอาจจะไม่ต้องเขียนไปทุกรายละเอียดแต่เล่าในเชิงขั้นตอนว่าทำอะไรอย่างไรบ้าง เช่น สัมภาษณ์โดยวิธีการใด ตัวต่อตัว หรือ ผ่านโทรศัพท์ หรือผ่าน Skype มีการเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีไหน จำนวนตัวอย่างใช้วิธีใดคำนวณหรือเลือกและสุ่มโดยบังเอิญ หรือ โดยเฉพาะเจาะจงตามความสะดวกหรือการเข้าถึงข้อมูล หากการสัมภาษณ์ใช้แบบสอบถามก็ควรจะมีการแนบแบบสอบถามหรือรายชื่อหัวข้อที่ถามในกรณีที่เป็นการสัมภาษณ์แบบกึ่งเปิดกึ่งปิด โดยควรแนบไว้ที่ภาคผนวก (Appendices) มากกว่าแนบไปในตัวบท

2. เขียนเสมือนหนึ่งว่าเรากำลังอธิบายว่าเราตัดสินใจเลือกและออกแบบกระบวนการต่างๆ ในการทำวิจัยอย่างไร
ในข้อนี้เป็นการแสดงว่าระเบียบวิธีวิจัยของเรานั้นมีความถูกต้องและเหมาะสมตามหลัก มีแนวทางการเขียนดังนี้
2.1 การเลือกระเบียบวิธีวิจัยให้เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับคำถามวิจัยที่ใช้ ไม่ใช่โดยเหตุผลอื่นๆ เช่น เราคำนวณเก่งหรือไม่เก่ง หรือแม้จะอ้างว่ายังไม่มีใครใช้วิธีนี้ในการวิจัยเรื่องนั้นๆ ซึ่งแม้บางทีจะพอรับได้แต่ก็ไม่ถูกต้องตลอดไป ตัวอย่างการเลือกวิธีการวิจัยที่เหมาะสมเช่น

ก. คำถามวิจัยเริ่มต้นด้วยคำว่า ทำไม… จึงต้องการรายละเอียดที่จะอธิบายสาเหตุดังกล่าวประกอบกับยังไม่มีแนวทางจากงานวิจัยในอดีตมากนักจึงใช้การสัมภาษณ์แบบปลายเปิดแบบเชิงลึก หรือ

ข. คำถามวิจัยเริ่มด้วยคำว่า อะไร… เท่าไหร่ ต้องการคำตอบในเชิงปริมาณครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ จึงใช้การสำรวจโดยใช้แบบสอบถาม

2.2 การเลือกวิธีการวิจัยอาจจะอ้างอิงจากงานวิจัยในอดีตที่ใกล้เคียงกัน
เช่นจำนวนตัวอย่างที่เหมาะสม  หรือหัวข้อคำถาม หรือกรอบแนวคิดที่มากจากงานวิจัยในอดีต

2.3 การเลือกวิธีการวิจัยอาจจะอ้างอิงจากการศึกษาขั้นต้น
หากมีโอกาสและเวลาพอ การศึกษาขั้นต้นเช่นกรณีศึกษานำร่อง (Pilot study) อาจจะเป็นตัวกำหนด กรอบแนวคิด หรือ คำถามวิจัย หรือ ตัวแปรที่เหมาะสมก็ได้ หรือหากงานที่ศึกษาใช้แบบสอบถามที่มี Likert Scale การเลือกว่าจะใช้ Likert Scale ที่ 5, 7 หรือ 10 นั้นอาจจะมาจากการทดลองเก็บข้อมูลขั้นต้นก็ได้

สำหรับ MSc Dissertation ที่มีความยาวไม่เกิน 15,000 คำ บท Methodology ปกติจะมีความยาวประมาณ 2,000-5,000 คำ แล้วแต่ความเหมาะสม

สำหรับวิทยานิพนธ์ของผมนั้นใช้ Case Study และ Action Research ในการพัฒนาเครื่องมือตรวจสอบสุขภาพด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมบริการ ในขั้นแรกก็ได้อธิบายเหตุผลในการเลือกเครื่องมือวิจัยโดยอ้างอิงจากงานวิจัยด้าน การจัดการการปฏิบัติการ OM โลจิสติกส์ และ โซ่อุปทาน ต่อมาได้อธิบายขั้นตอนการทำวิจัยของวิทยานิพนธ์นี้ นอกจากนี้วิทยานิพนธ์ในสหราชอาณาจักร จะต้องมีการพูดถึงจริยธรรมของงานวิจัยหรือ Research Ethic ด้วยว่าเราไม่ได้ไปละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยนี้ด้วย บางแห่งเช่น Cardiff University วิทยานิพนธ์จะต้องแนบ Research Ethic Form และเอกสารที่เกี่ยวข้องเช่น ใบยินยอมให้ข้อมูลด้านท้ายของวิทยานิพนธ์อีกด้วย

สรุปแล้ว บทระเบียบวิธีวิจัยนั้น เป็นการอธิบายวิธีการวิจัยที่มาจากลักษณะของคำถามวิจัยและขั้นตอนการทำวิจัยโดยชี้ให้เห็นว่าแต่ละขั้นตอนมีเหตุผลรับรองที่ถูกต้องโดยอ้างอิงจากงานวิจัยที่ผ่านมาหรือการศึกษาขั้นต้น

Download
Chapter5 Research Strategy and Methodology

อ่านต่อ

เทคนิคการทบทวนวรรณกรรม Literature Review ภาค2


เนื่องจากวิทยานิพนธ์ของผมที่เป็นการพัฒนาเครื่องมือตรวจสอบระบบโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมบริการ โดยใช้กรณีของการจัดการการดำเนินการในโรงแรม ดังนั้นในวิทยานิพนธ์จึงมีบทพิเศษสองบทที่เป็นการทบทวนวรรณกรรมในสองเรื่องใหญ่ๆ คือ

1. อธิบายเครื่องมือที่ต้องการจะพัฒนาที่เรียกว่า Quick Scan Audit Methodology (QSAM)
2. สรุปทบทวนการดำเนินการและโซ่อุปทานของโรงแรม

สิ่งที่สองบทนี้มีความแตกต่างจากบท Literature Review คือจุดมุ่งหมายที่เน้นการให้ความรู้และข้อมูลกับผู้อ่านในเรื่องเฉพาะ โดยเรื่องของการชี้ช่องว่างในวรรณกรรม (Gaps in Literature) นั้นไม่ได้เป็นส่วนสำคัญมากเท่าไหร่

ในงานวิทยานิพนธ์อื่นๆ อาจจะมีบทที่อธิบายอุตสาหกรรมที่เป็นกรณีศึกษาของงาน เช่น อุตสาหกรรมอาหาร หรือ การค้าปลีก หรือ อธิิบายโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ ในกรณีที่ใช้ประเทศนั้นๆ เป็นกรณีศึกษาหลัก

ส่วนตำแหน่งของบทนั้น อาจจะอยู่ก่อนหน้า หรือ อยู่หลังบททบทวนวรรณกรรมหลักก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสม สำหรับวิทยานิพนธ์ของผมนั้น บทที่อธิบาย QSAM จะอยู่ก่อน Literature Review ตามด้วยบทที่เจาะเฉพาะ Hotel Operations & Supply Chains

Download
Chapter2 Quick Scan Audit Methodology
Chapter4 Hotel Operations and Supply Chain

Useful Link
เกร็ดการทำวิจัยจาก TourismLogistics.com: การเขียน Literature Review 

ตอนที่1 ทบทวนวรรณกรรม Literature Review


บทที่ว่าด้วยการทบทวนวรรณกรรมควรมีลักษณะดังนี้

  1. เล่าเรื่องความเป็นมาโดยสรุปว่าเรื่องที่กำลังวิจัยอยู่นั้นมีการศึกษาในอดีตเป็นมาอย่างไรบ้าง โดยใคร ใช้วิธีอะไร ได้ผลเป็นอย่างไร โดยอาจจะสรุปตามหัวข้อย่อย หรืออาจเล่าเรื่องตามลำดับเวลา ควรเป็นการสรุปโดยวิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย สาหตุที่แต่ละงานที่ผ่านมาได้ผลเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
  2. ชี้ให้เห็นถึงช่องว่างในวรรณกรรม หรือ Gaps in Literature เพื่อสื่อว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำวิจัยนั้นยังไม่มีใครทำมาก่อน โดยควรเป็นช่องว่างในเรื่องของปัญหาวิจัยที่ยังไม่มีคำตอบ ไม่ใช่วิธีการที่ยังไม่มีใครทำ
  3. อาจจะมีการสรุปทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่วิจัยอยู่ด้วยโดยไม่จำเป็นจะต้องเป็นทฤษฎีในโลจิสติกส์อย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจเป็นศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข่้องเช่น จิตวิทยา หรือ สังคมวิทยา หรือ เศรษฐศาสตร์
สำหรับบท Literature ของผมนั้นได้สรุปงานที่เกี่ยวข้องกับ Service Supply Chain และ เครื่องมือการประเมินผล Supply Chain และชี้ให้เห็นว่าในวรรณกรรมวิจัยนั้นยังขาดการพัฒนาเครื่องมือการวัดประเมินผล Supply Chain สำหรับ Service Industries ครับ
Download Chapter 3 Literature Review
อ่านต่อ เทคนิคการทบทวนวรรณกรรมในวิทยานิพนธ์ภาค 2