Skip to content

Archive for

ทำไม Google Translate จึงแปลคำว่า “พันตำรวจโท” เป็น Thaksin Shinawatra


กลายเป็นที่ฮือฮากันทีเดียวสำหรับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตของไทย โดยเฉพาะในวงการสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ Twitter ที่มีการส่งต่อข้อมูลการแปลของ Google Translate ในประโยคว่า

พันตำรวจโทที่(…คำที่มีความหมายเชิงลบต่างๆ…)ที่สุด”

ซึ่ง Google Translate ก็จะแปลเป็นว่า

Thaksin Shinawatra is the worst … (คำแปลภาษาอังกฤษของคำที่มีความหมายเชิงลบนั้น)

เรื่องนี้หากเรามองในแง่ดีว่าไม่น่าจะมีใครที่จะสามารถไปจ้างให้ Google แปลคำผิด (ในเชิงความหมายทางตรง) ได้หนาดนี้ คำอธิบายหนึ่งสำหรับเรื่องนี้คือระบบการแปลของ Google Translate

หากใครที่ได้ติดตาม website นี้ก็จะพบว่า ใน post เรื่อง สถิติ 101 – The Joy of Stats ที่ผมเคยเขียนแนะนำสารคดีที่เกี่ยวกับบทบาทของสถิติในชีวิตประจำวันของเรา ก้จะพบว่าจริงๆ แล้ว Google ใช้วิธีสร้าง เครื่องจักรการแปลโดยสถิติ ที่เรียกว่า “statistical machine translation” ซึ่งผมคิดว่าน่าจะคล้ายๆ ระบบของ Neural Network มาเรียนรู้ระบบความสำพันธ์ของแต่ะภาษา โดยจะให้ระะบบประสาทจำลองนี้ได้อ่านเนื้อหาข้อมูลที่มีการแปลมาแล้วจาก website และเอกสาร online ทั่วโลก เช่น UN และเรียนรู้คำที่มักจะมาพร้อมกัน เมื่อได้อ่านมากๆ ก็จะสามารถจับคำหรือประโยคที่น่าจะมีความหมายใกล้เคียงกันได้ ดังนั้นทีมงานที่เขียนระบบนี้ก้ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องหลักภาษาที่จะต้องแปลเลย ทั้งหมดมาจาก สถิติ ล้วนๆ เพราะฉะนั้นหลายๆ ครั้งเวลาที่เราใช้บริการ Google Translate ก็มักจะเจอกับคำแปลที่คลาดเคลื่อนบ้าง

ดังนี้สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าเอกสารและข่าวจำนวนมากที่กล่าวถึง พันตำรวจโท… ก็มักจะหมายถึง Thanksin Shinawatra ไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตามทาง Google ก็ได้เปลี่ยนคำแปลเป็น Police Lieutenant ไปเรียบร้อยแล้ว

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
ที่ใดมีสถิติ ที่นั่นย่อมมีความคลาดเคลื่อน
ดังนั้นจงในงานวิจัยของผมจึงมีการศึกษาเชิงคุณภาพ หลังจากได้ผลการวิเคราะห์ทางสถิติแล้วเสมอ

แนะนำ Softwares สำหรับ LaTeX


Softwares สำหรับ LaTeX นั้นมีมากมาย (ลองดู list ใน Wikipedia ได้)
จากประสบการณ์ผมเองที่ใช้ LaTeX ทั้งบน MacBook ส่วนตัว และ Window PC ของโรงเรียน
และจากการที่ได้ลองใช้หลายๆ Softwares มาแล้วนั้น ขอแนะนำ Softwares ดังนี้ครับ
1. Texmaker
Advantages: Free, Cross-Platform, Modern view, quick error identification
Platforms: Window, Mac & Linux

Download Texmaker here

 

 

2. MacTeX
Advantages: Providing all you need to make a great LaTeX document in Mac (from my experience) including alternatives of LaTeX softwares for Mac + bibliography management softwares
Platform: Mac only
Download MacTeX here
More about MacTeX Click

More about LaTeX in Wikibook

Harry Boer’s Highly Commended Paper Award: EurOMA 2011


Welcoming Prof. Disney, my PhD supervisor, back from his six month leave to USA with the  Harry Boer award for the paper that was presented in EurOMA 2011 conference.

More about the paper and presentation slides 

ปัญหา 4 ประการในการเขียนที่มาและความสำคัญของปัญหาการวิจัย


การเขียนที่มาและความสำคัญของปัญหาการวิจัยนั้นถืิอได้ว่ามีความสำคัญอย่างมากในการที่จะขายงานวิจัยของเราให้กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งอาจจะเป็น ผู้ให้ทุน อาจารย์ที่ปรึกษา หรือ บรรณาธิการของวารสารวิชาการที่เราอยากตีพิมพ์งานของเรา โดยการเขียนให้แต่ละกลุ่มเป้าหมายก็มีความเหมือนและต่างกันออกไป ผมเองก็เคยประสบปัญหาในเรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน จึงอยากจะแบ่งปันข้อแนะนำให้ผู้ที่อาจจะกำลังประสบปัญหานี้เหมือนกัน ดังนี้ครับ

  1. ควรเริ่มอย่างไรดี
    ผมเห็นหลายๆ งานมักจะเริ่มด้วยการบรรยายขนาดความสำคัญของพื้นที่หรืออุตสาหกรรมที่วิจัยอยู่เช่น GDP ของ ไทย หรือ รายได้หรือจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าดึงดูดใจพอ จริงอยู่ที่ตัวเลขต่างๆ นั้นสามารถบอกขนาดความสำคัญได้ ทว่ากลับเป็นขนาดของภาพรวมพื้นที่ ไม่ใช่ขนาดความสำคัญของงานวิจัยเราดังนั้นสำหรับผมแล้วจะเริ่มที่ปัญหาที่เกิดขึ้นเลย โดยจะไม่บรรยายความสำคัญของพื้นที่มากนัก อาจจะแค่กริ่นเล็กๆ น้อย แล้วเสนอปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นในเชิงวิชาการ หรือ ในภาคปฏิบัติ (งานส่วนใหญ่ผมจะกริ่นด้วยปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ ในกาคปฏิบัติ)
  2. ควรจะเขียนมากน้อยขนาดไหนดี
    ทุกครั้งที่เขียนที่มาฯ ผมจะคิดเสมอว่าตัวเองเป็น Sale ขายงานวิจัย ดังนั้นจึงคิดว่า ทำยังไงก็ได้ให้ผู้อ่าน หรือ ผู้ให้ทุน (ลูกค้า) สนใจอ่านงานเรา หรือ ให้ทุนวิจัย (ซื้อของ) ในเวลาที่สั้นที่สุด แต่ต้องใช้ข้อมูลที่เป็นความจริงไม่มีการนั่งเทียนหรือแต่งนิทานมาหลอกเด็ดขาดโดยทั่วไปที่มาฯ ไม่ควรเกิน 5-10% ของงานวิจัย ในวิทยานิพนธ์ สองร้อยกว่าหน้า มีส่วนที่เป็นที่มา เพียง 1-2 หน้าก็เพียงพอแล้ว (อาจารย์มิ่งสรรพ์ เคยกล่าวไว้ว่า 3 หน้าแรกของ Proposal สำคัญมากเพราะผู้ให้ทุนจะตัดสินหลังจากอ่านหน้าที่ 3 แล้วว่าจะให้ทุนหรือไม่ Prof.Disney ก็บอกผมว่าส่วนที่มาฯ ของงานเป็นส่วนสำคัญมากสำหรับ Journal Editors โดยเฉพาะ journals ที่ดีๆ
  3. ควรจะอ้างอิงข้อมูลหรือไม่
    ในการทำวิจัยนั้นการอ้างอิงข้อมูลถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะสนับสนุนงานวิจัยของเรา ทั้งนี้การอ้างอิงอาจจะทำให้ส่วนที่มาฯ มีความน่าเชื่อถือดังนั้นหากจะมีการอ้างอิงในสาวนที่มาฯ นั้น แหล่งที่ใช้ควรจะเป็นแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือในระดับที่สูง และสามารถติดตามตรวจสอบความถูกต้องได้งาน เพราะหากตามตรวจสอบยากแล้วผุ้อ่านอาจจะมีความเคลือบแคลงสงสัยได้ อย่างไรก็ตามปกติ ในย่อหน้าแรกผมจะไม่อ้างอิงเลย แต่จะสรุปปัญหาอย่างกระชับและเข้าใจได้ง่ายๆ แล้วค่อยหาหลักฐานมาสนับสนุนคำกล่าวของเราในส่วนต่อมา เพื่อที่จะจับความสนใจของผู้อ่านให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่ผู้อ่านจะปิดไฟล์ หรือโยนงานเราลงถังขยะเสียก่อน
  4. ควรจะปิดท้าย(สรุป)อย่างไรดี
    สุดท้ายที่มาและความสำคัญจะต้องโน้มน้าวให้ผู้อ่านเห็นด้วยและคล้อยตามเราว่าทำไมเราจึงควรสละเวลาและทรัพยากรต่างๆ ในการทำวิจัยเพื่อหาคำตอบของปัญหาวิจัยนี้ และทำให้ผู้อ่านอยากจะอ่านงานวิจัยนี้ต่อไปอีก (อย่างน้อยต้องทำให้ผู้อ่านอยากรู้คำตอบของงานวิจัยนี้) ให้ได้
เรื่องกรอบเนื้อหาการเขียนที่มาและความสำคัญของปัญหาการวิจัยนี้ ผศ.ดร. คมสัน สุริยะ ได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจไว้ที่ TourismLogistics.com เช่นกันครับ

อ่านต่อ เทคนิคการทำวิจัย Research Top Tips

Tourism Supply Chains Framework


The first thing I did when I started my PhD research is to review a literature to define ‘Tourism Supply Chains’. Then I presented such a work in a PhD Network Conference “EXPLORING TOURISM III: ISSUES IN PHD RESEARCH” at University of Nottingham, UK in 2009

กรอบแนวคิดการวิจัยโซ่อุปทานการท่องเที่ยว

สิ่งแรกที่ผมทำในการทำงานวิจัยปริญญาเอกคือการทบทวนงานวิจัยที่ผ่านมา หรือที่เรียกกันว่า Literature Review และได้เสนอกรอบการทำงานวิจัยโซ่อุปทานการท่องเที่ยว โดยงานชิ้นนี้ได้ไปนำเสนอใน PhD Network Conference “EXPLORING TOURISM III: ISSUES IN PHD RESEARCH” ณ University of Nottingham, UK ในปี 2009

Highlights
1. สรุปงานวิจัยโซ่อุปทานการท่องเที่ยวในอดีต
2. แผนผังโซ่อุปทานการท่องเที่ยวครบวงจร
3. เสนอแนวทางการวิจัยด้านโซ่อุปทานการท่องเที่ยว

Download: PDF