การจัดการโซ่อุปทาน ในออสเตรเลีย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีนักวิจัยจากออสเตรเลีย Prof.Amrik Sohal (Monash University) เดินทางมาบรรยายเรื่อง Managing Supply Chains โดยใช้กรณีศึกษาจากอุตสาหกรรมในประเทศออสเตรเลีย ผมสรุปเนื้อหาที่น่าสนใจดังนี้ครับ
อุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive)
- กำลังประสบปัญหาจากการที่ผู้ผลิตได้ย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศ โดยขณะนี้เหลือเพียงสามราย คือ Toyota, Ford และ GM Holden (จากห้าราย) เท่านั้น ทำให้ 1st-tier suppliers ต้องเผชิญกับปัญหาทั้งในเรื่อง Volume ที่ต่ำทำให้ขาด Economies of scale และ
- อีกทั้งยังต้องเผชิญความกดดันจากผู้ผลิตดังกล่าวในการลดต้นทุนอีกด้วย
- นอกจากนี้บริษัทผู้ให้บริการโลจิกติกส์ หรือ Third Party Logistics Providers (3PLs) ก็ไม่มีความน่าเชื่อถือมากนักเนื่องจากยังขาดความชำนาญ
- ผู้ผลิตยานยนต์ดังกล่าวได้ขยายการให้บริการหลังการขายมากขึ้น ทำให้เพิ่มความกดดันไปยัง 1st-tier suppliers เรื่องคุณภาพของสินค้ามากขึ้น
- แรงงานขาดแคลนในทุกระดับ (high & not so high skilled)
- อนาคตของอุตสาหกรรมยังไม่แน่นอน (ผู้ผลิตย้ายฐานการผลิตมากขึ้น?)
- ความท้าทายเรื่อง Servitisation หรือ บริการภิวัฒน์ ของผู้ผลิตรถยนต์ ในการขยายธุรกิจจากการผลิตไปสู่การให้บริการแก่ลูกค้าเป็นรายบุคคลมากขึ้น
- ความเข้าใจในผลกระทบของอุตสาหกรรมจากปัจจัยต่างๆ ยังไม่ดีพอ
- ความช่วยเหลือจากภาครัฐยังมีความจำเป็น โดยเฉพาะด้าน Infrastructure
- มีความกังวลด้านต้นทุนขนส่ง และ ระบบขนส่งที่ขาดความเชื่อมโยง ทำให้ต้นทุนสูง และ ระยะเวลาในการขนส่งยาวนาน
- ระบบรถไฟขาดความเชื่อมโยง ไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างสถานีหลัก Victoria-New South Wales-Queensland
- ความสัมพันธ์ระหว่าง 2nd-tier suppliers ยังมีน้อย ขาด Collaborations หรือความร่วมมือระหว่างบริษัท
- ความเชื่อใจระหว่างบริษัท มีความสำคัญในการลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนอันเกิดจากภับธรรมชาติ (ตรงนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นประจำกับโซ่อุปทานสินค้าเกษตรครับ)
- เสนอแนวทางปรับปรุงโดยการให้ความรู้ และพัฒนาความสามารถในการสื่อสารและทำงานร่วมกันของพนักงาน รวมทั้งการวางกลยุทธ์โซ่อุทาน และพัฒนาการวัดผลการดำเนินงาน
จากการบรรยายดังกล่าวจะเห็นได้ว่า แม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วธุรกิจก็ยังประสบกับปัญหาด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานทั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความไม่แน่นอนของสินค้าเกษตรที่มีค่อนข้างสูง ในทางกลับกันโอกาสที่จะได้รับประโยชน์ของธุรกิจในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศและตัวธุรกิจเองก็มีสูงเช่นกัน
ประเทศไทยของเราเองก็ส่งออกสินค้าเกษตรอย่างมากมาย ดังนั้นโลจิสติกส์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากในการที่จะสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC กำลังจะเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2558 หรือ ค.ศ. 2015